jokerslotz999 ไพ่แบล็คแจ็ค ที่คนไทยเรียกป๊อก 21 คือ เกมไพ่ชนิดที่มีการนำเลขบนไพ่มารวมกัน ให้ได้เลขที่ใกล้เคียงกับเลข 21 มากที่สุด และจะต้องไม่เกิน 21 แต้มอีกด้วย มีลักษณะการเล่นคล้าย ๆ กับไพ่ป๊อก เพียงแต่ต่างกันที่การนับแต้มเท่านั้น ไพ่ A มีค่าเท่ากับ 1 หรือ 11 แต้มก็ได้ ไพ่รูปภาพ J Q K มีค่าเท่ากับ 10 แต้ม และไพ่อื่น ๆ ที่มีตัวเลขหน้าไพ่ จะมีค่าเท่ากับแต้มหน้าไพ่นั้น ๆ คือ 10 9 8 7 6 5 4 3 และ 2 ตามลำดับ
ผลรวมของไพ่ A และไพ่ที่มี 10 แต้ม ซึ่งเป็นการได้ไพ่จำนวน 2 ใบแรก โดยไม่ได้จั่ว เราจะเรียกว่า “ แบล็คแจ็ค ” คือมีแต้มเท่ากับ 21 แต้มนั่นเอง เมื่อชนะจะได้เงินรางวัลเป็น 1.5 เท่าของเงินเดิมพัน ซึ่งถ้าหากไพ่ในมือผู้เล่นพนัน ได้แต้มไพ่ใกล้เคียงกับ 21 มากกว่า เจ้ามือ ผู้เล่นจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ถ้าผู้เล่น และเจ้ามือได้ไพ่แต้มเท่ากันตั้งแต่ 17-21 จะไม่มีฝ่ายใดชนะ หรือ จะเรียกว่า Push แล้วจะคืนเงินเดิมพันให้ เว้นเสียแต่ว่า ผู้เล่นได้แบล็คแจ็ค แต่เมื่อดีลเลอร์การจั่วไพ่แล้วได้ 21 แต้มในภายหลัง ผู้เล่นที่ได้แบล็คแจ็ค ก็จะถือว่าชนะเช่นเดิม และได้เงินรางวัลอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าการได้แต้มเป็น 21 แต้มจากการแจก 2 ใบแรกจะถือว่าเป็นการจบเกมในทันที ไม่ต่างจากการเล่นไพ่ป๊อกซึ่งเมื่อได้ ป๊อก 8 หรือ ป๊อก 9 แล้วก็จะถือว่าชนะเช่นกัน จึงเป็นที่มาของคำว่า ป๊อก 21 ที่คนไทยเราเรียกกัน
ในคาสิโนออนไลน์
อธิบายวิธีการเล่น ไพ่แบล็คแจ็ค ง่าย ๆ
การแจกไพ่สำหรับเล่นไพ่แบล็คแจ็คใน คาสิโนออนไลน์ มากจะใช้ไพ่เป็นขอนคล้ายกับบาคาร่า โดยจะมีไพ่อยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 สำรับ แต่ละสำรับก็จะประกอบไปด้วยไพ่ 52 ใบ ซึ่งเมื่อนำมาเล่นแล้ว โอกาสที่ไพ่จะออกมาเป็นหน้าต่าง ๆ นั้น ทำให้เราไม่สามารถคาดเดาได้เลย
สำหรับการเล่นแบล็คแจ็คออนไลน์ จะมีกฎพิเศษเพิ่มเติม คือ กฎการแยกไพ่ ซึ่งจะสามารถใช้ได้กับไพ่สองใบแรก ที่เป็น A, A หรือ 8, 8 เท่านั้น ที่จะสามารถแยกไพ่ได้ออกเป็น 2 ขา และจะมีการเรียกเงินเดิมพันจากกระเป๋าของผู้เล่นโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้สำหรับคู่ไพ่ A, A จะสามารถจั่วไพ่เพิ่มได้อีกขาละ 1 ใบ แต่ถ้าเป็นคู่ไพ่ 8/8 ทั้งสองขาจะสามารถเรียกไพ่ได้เพิ่มไม่จำกัดจำนวน จนกว่าจะใกล้เคียงแต้ม 21 ที่สุด สำหรับกติการในการเล่นนั้น มีดังนี้
- มีการจับเวลาในการวางเงินเดิมพันแบล็คแจ็ค โดยเราสามารถเลือกได้เลยว่าต้องการเดิมพันที่ตำแหน่งใด หรือจะวางเดิมพันทุกตำแหน่งก็ได้เช่นกัน ซึ่งต้องทำการวางเดิมพันก่อนที่เกมจะเริ่ม และถ้าหากไม่ได้เดิมพันในเวลาที่กำหนดจะถือว่าข้ามการเล่นตานั้นไปก่อน
- หลังจากวางเงินเดิมพันครบแล้ว จะเริ่มต้นแจกไพ่โดยแจกผู้เล่น 2 ใบแบบคว่ำ และ ในส่วนของไพ่ดีลเลอร์จะเปิดไพ่หงายไว้ 1 ใบ และปิดไว้อีกใบ
- หลังจากนั้น ตำแหน่งแรกทางขวามือ จะเริ่มทำการเรียกไพ่เพิ่ม โดยจะเรียกเพิ่มเรื่อย ๆ จนกว่าแต้มจะใกล้เคียง 21 มากที่สุด โดยจะใช้คำสั่ง Hit (เรียกเพิ่ม), Stand (อยู่/พอ), Double (เพิ่มเงิน) และ Insurance (ประกัน)
- กรณีที่เราเลือก Double (เพิ่มเงิน) จำนวนเงินเดิมพันจะถูกดึงจากเงินคงเหลือของเรา เพื่อเพิ่มเดิมพันเป็น 2 เท่า
- ในขณะที่ระบบจับเวลาให้เราเรียกไพ่ เราจะต้องทำการเลือกว่าจะ “เรียกไพ่เพิ่ม” หรือจะ “อยู่” ถ้าเรานิ่งไม่ทำอะไรเลยระบบจะถือว่าเรา “อยู่” โดยอัตโนมัติ
- ถ้าหากผู้เล่นทุกคนบนโต๊ะ เรียกไพ่แต้มเกิน 21 แต้มแล้ว กรณีที่เจ้ามือมีแต้ม 17 ขึ้นไป เจ้ามือสามารถเปิดไพ่ใบที่ 2 และวัดแต้มได้เลยโดยไม่ต้องจั่วไพ่ใบที่ 3 เพิ่มอีก แต่หากไพ่สองใบของเจ้ามือมีแต้มน้อยกว่า 17 แต้ม เจ้ามือจะเรียกไพ่เพิ่มให้ใกล้เคียง 21 แต้ม เพื่อวัดไพ่กับผู้เล่น
เทคนิคการเล่นไพ่ แบล็คแจ็ค สำหรับมือใหม่
ถึงแม้ว่าการเล่นแบล็คแจ็ค จะมีความคล้ายคลึงกับการเล่นไพ่ป๊อกก็ตาม แต่ยังมีในส่วนของกติกาบางข้อ ที่เอื้อให้ผู้เล่นสามารถจะเอาชนะเกมไพ่แบล็คแจ็คออนไลน์ ได้ไม่ยากเกินไป สำหรับเทคนิคที่มีการนำไปใช้กันบ่อย ๆ สำรับการเล่น ไพ่แบล็คแจ็ค เพื่อให้ชนะได้ง่ายขึ้นนั้น มีดังนี้ ถ้าเราได้ไพ่คู่ ควรทำการแยกไพ่ทุกครั้ง เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะและทำเงินรางวัลให้ตัวเอง การเดิมพันประกันไพ่ ถ้าหากเจ้ามือได้ไพ่ใบแรกเป็น A โอกาสที่เจ้ามือจะได้ไพ่แบล็คแจ็ค ก็จะสูงมากกว่าปกติ เราควรที่จะเดิมพันประกันไพ่ทุกครั้ง แต่ก็อาจมีบางครั้งเจ้ามือก็ไม่ได้แบล็คแจ็ค เทคนิคการจั่วไพ่ เราไม่จำเป็นต้องจั่วไพ่เพื่อให้ได้แต้มไพ่เท่ากับ 21 แต้มทุกครั้ง เมื่อจั่วเพิ่มแล้วได้แต้มอยู่ระหว่าง 17 ขึ้นไปก็ควรแล้ว โดบไปลุ้นให้เจ้ามือจั่วไพ่แล้วได้แต้มเกิน 21 แต้ม แต่ในกรณีที่ไพ่ 2 ใบแรกได้น้อยกว่า หรือเท่ากับ 11 แต้มเราก็ควรที่จะจั่วไพ่เพิ่ม การเล่นไพ่ นั้นมีกติกาที่ค่อนข้างง่าย มีโอกาสในการจั่วไพ่ได้หลายครั้ง เพื่อทำให้ได้แต้มใกล้เคียง 21 มากที่สุด ถึงแม้ว่า แบล็คแจ็คออนไลน์ จะมีรูปแบบในการวางเดิมพันไม่หลากหลายเท่าเกมไพ่แบบอื่น ๆ แต่ก็ถือว่ามีโอกาสชนะได้ไม่ยากเลย